ส่วนใหญ่ร้านขายสินค้ามักจะมีผู้ขาย ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือบางร้านอาจมีการจ้างพนักงานขายของ โดยเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่เอาใจใส่คอยแนะนำให้คำอธิบายต่าง ๆ แก่ลูกค้า หากเป็นร้านขนาดใหญ่มีสินค้าหลายชนิด ย่อมทำให้ต้องมีพนักงานจำนวนมาก
การจัดตกแต่งร้านค้า มีความสำคัญต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. แสงสว่างภายในร้าน ถ้าเราเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
ซึ่งเป็นร้านลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น เราจะเห็นได้ว่า
มีความสว่างทั่วทั้งร้านจากแสงไฟฟ้าที่ร้านได้ติดเอาไว้
แสงสว่างธรรมชาติมักไม่เพียงพอและแสงแดดมักทำความเสียหาย ให้แก่สินค้า
การใช้แสงไฟฟ้า แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็จูงใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้า ได้มากกว่าร้านที่ดูมัวซัว มุมห้องมืด ๆ หากสินค้าตัวใด
จะเน้นให้ลูกค้าสนใจเป็นพิเศษควรใช้สปอร์ตไลท์ส่องเรียกความสนใจแสงไฟ
ในร้านควร เลือกใช้แสงจากหลอดฟลูโอเรสเซนท์
ก่อนตัดสินใจเรื่องแสงสว่างควรรู้ว่าค่าไฟฟ้าจะเป็นสักเท่าใด และใช้ไฟฟ้า
กี่ดวง ถึงจะคุ้มค่ากับการขายสินค้าด้วย |
2. การตกแต่งสีภายนอกและภายในร้าน นอกจากการทาสีร้านค้าให้สดใสสว่าง
สวยงามแล้ว สีของหีบห่อ
และตัวสินค้าก็สามารถนำมาตกแต่งให้ร้านค้าดูดีขึ้นจะต้องให้ผู้คน
เห็นสินค้าชัดเจน และสวยงาม
แต่ก็ไม่ควรนำสินค้าที่ต่างชนิดกันแต่สีเดียวกันมาวางไว้รวมกัน
เพราะจะทำให้ดูเหมือนกันไปหมด จึงควรแยกสินค้าที่มีสีสรรเหมือนกัน
แต่ต่างชนิดกันเรียงไว้ต่อ ๆ กัน เพื่อให้เห็นความแตกต่าง
3. การจัดวางสินค้าบริเวณทางเข้าร้าน ใกล้ ๆ ทางเข้าร้าน เป็นที่เหมาะสำหรับจัดวางสินค้าที่ต้องการเสนอขายเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่ที่ลูกค้าทุกคนต้องเดินผ่านเข้าออก จึงต้องจัดสินค้าไว้บริเวณนี้ให้เตะตาจริง ๆ โดยเฉพาะบริเวณโต๊ะชำระเงินที่ลูกค้าเข้าแถวรอที่จะชำระเงิน ควรหาของเล็ก ๆ น้อยๆที่ลูกค้าอาจลืมซื้อมาจัดวางไว้
4. การจัดหมวดหมู่ของสินค้า สินค้าที่มีการใช้สอยที่คล้ายคลึงกัน หรือใช้ร่วมกันจะต้องจัดวางไว้ด้วยกัน เช่น น้ำดื่ม, เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม, ประเภทเครื่องใช้ในครัว, ประเภทขนมปังสดและเบเกอรี่, ขนมขบเคี้ยว, หมวดเสื้อผ้า, เครื่องใช้เด็กอ่อน เป็นต้น
5. การติดป้ายบอกประเภทของสินค้า เพื่อให้รู้ว่าสินค้าอยู่ที่ใด เป็นการติดป้ายบอกชนิดของสินค้าตามที่จัดไว้ เป็นหมวดหมู่แล้วเพื่อสะดวกในการค้นหาสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ อาจจะติดไว้ตามผนังห้อง และกึ่งกลางเหนือชั้นวางของ สินค้าใดวาง ณ จุดใด ควรวางอยู่เป็นประจำ และไม่ควรเปลี่ยนแปลงที่วางสินค้าบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ลูกค้าต้องเสียเวลาค้นหาในครั้งต่อไป ที่แวะเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน
6. การติดป้ายราคาสินค้า ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่มักสนใจในรายละเอียดของสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ชื่อสินค้า คำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ วันผลิตและวันหมดอายุ ดังนั้นจะต้องติดป้ายบอกราคาเพิ่มให้กับตัวสินค้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดลงไปด้วยคือต้องติดราคาบอกไว้บนตัวสินค้าทุกชิ้นให้ ชัดเจนพอที่ลูกค้าและพนักงานเก็บเงินจะอ่านได้ ยกเว้นสินค้าบางประเภทที่ขายกันเป็นจำนวนมาก เช่น เบียร์หรือเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม มักจะติดราคาในรูปของแผ่นป้ายหรือโปสเตอร์ จะเป็นการช่วยประหยัดแรงงานและเวลาได้ หากเป็นสินค้าชนิดเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อกัน อาจจะติดราคาไว้ที่ชั้นวางสินค้าจะช่วยให้ลูกค้าเห็น และเปรียบเทียบราคากันได้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาและแรงงานในการติดราคากันใหม่ เมื่อสินค้ามีราคาเปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ก็เป็นการให้ประโยชน์และรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงความสะดวกกับลูกค้า ทั้งยังเป็นการสะดวกในการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าอีกด้วย
===========================================================
ที่มา : http://www.siaminfobiz.com